งูสวัดพันรอบเอว อันตรายถึงชีวิตจริงหรือ?
งูสวัดพันรอบเอว อันตรายถึงชีวิตจริงหรือ?
งูสวัด เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากเจ้าไวรัสที่ชื่อว่า varicella-zoster ซึ่งเป็นไวรัสตระกูลเดียวกับที่ทำให้เป็นโรคอีสุกอีใส ดังนั้นถ้าใครเป็นโรคงูสวัด จะต้องผ่านการเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน เมื่อเราเป็นโรคอีสุกอีใสแล้วนั้น เจ้าเชื้อไวรัสจะซ่อนตัวอยู่ที่ปมประสาทภายในร่างกาย และจะโจมตีร่างกายเราอีกครั้งเมื่อภูมิคุ้มกันของเราต่ำลง ร่างกายไม่แข็งแรง หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
อาการ
เริ่มแรกของเจ้างูสวัดนั้น จะเริ่มจากการมีความรู้สึกเจ็บๆ แสบๆที่บริเวณผิวหนังอาจจะเป็นใบหน้าหรือบริเวณลำตัว ผิวหนังจะเริ่มไวต่อการสัมผัส หลังจากนั้นจะเริ่มมีผื่นแดง/ตุ่มแดงขึ้น อาจจะมีอาการคันร่วมด้วย ต่อมาผื่นแดงจะเริ่มมีตุ่มน้ำใสๆ และเริ่มขึ้นลามไปตามแนวเส้นประสาท และถ้าตุ่มน้ำแตกจะกลายเป็นแผลตกสะเก็ดที่ผิวหนังได้ ถ้าขึ้นที่บริเวณใบหน้า หลายๆคนอาจจะคิดว่าเป็นสิว หรือเรากำลังแพ้ครีมที่ใช้อยู่ได้ ลักษณะของสิวจะขึ้นแบบกระจาย หรือเป็นในที่เดิมๆ ไม่มีการกระจายตัวเป็นแนวตามเส้นประสาท หรือถ้าเป็นผื่นแพ้เครื่องสำอางค์ เมื่อเราหยุดใช้อาการผื่นแพ้จะดีขึ้นได้เอง ไม่มีการเป็นแผลตกสะเก็ดที่ผิวหนัง เมื่อแผลงูสวัดหายแล้ว อาการที่สามารถหลงเหลือได้อยู่ คือ อาการปวด แสบร้อน ตามแนวเส้นประสาท
เมื่อมีอาการดังกล่าวข้างต้น แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อจะได้รับประทานยาฆ่าเชื้อไวรัส หลังจากนั้นสามารถมาพบแพทย์แผนจีนเพื่อทำการรักษาควบคู่กันไป แพทย์จีนจะทำการตรวจร่างกายและวินิจฉัยโรคตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน เพื่อวิเคราะห์โรคตามกลุ่มอาการ การรักษาหลัก คือ การรับประทานยาจีน การฝังเข็ม การเจาะปล่อยเลือด เป็นต้น ซึ่งการรักษาจะรักษาตามกลุ่มอาการเฉพาะของคนไข้ เพื่อปรับสมดุลภายในฟื้นฟูสุขภาพ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กลับมา สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัส และช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนตามเส้นประสาท ซึ่งแพทย์แผนจีนได้แบ่งสาเหตุของการเกิดโรคเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1.เลือดน้อยทำให้ตับมีความร้อนสูง ซึ่งอวัยวะตับเป็นอวัยวะที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
2.การย่อยอาหารไม่ดีทำให้ร่างกายไม่สามารถนำสารอาหารไปฟื้นฟูร่างกายได้ และเกิดของเสียสะสมในร่างกาย
3.ชี่และเลือดมีไม่เพียงพอ ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
ส่วนความเชื่อที่ว่าถ้างูสวัดพันรอบเอว อันตรายถึงชีวิตนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะ ในปัจจุบันการแพทย์มียาที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่มีประสิทธิภาพดี และถ้ายิ่งมีการนำแพทย์แผนจีนเข้ามาช่วยปรับสมดุลย์ภายในร่างกาย งูสวัดที่ว่าน่ากลัวก็สามารถรักษาให้อาการดีขึ้นได้ค่ะ
งูสวัด เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากเจ้าไวรัสที่ชื่อว่า varicella-zoster ซึ่งเป็นไวรัสตระกูลเดียวกับที่ทำให้เป็นโรคอีสุกอีใส ดังนั้นถ้าใครเป็นโรคงูสวัด จะต้องผ่านการเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน เมื่อเราเป็นโรคอีสุกอีใสแล้วนั้น เจ้าเชื้อไวรัสจะซ่อนตัวอยู่ที่ปมประสาทภายในร่างกาย และจะโจมตีร่างกายเราอีกครั้งเมื่อภูมิคุ้มกันของเราต่ำลง ร่างกายไม่แข็งแรง หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
อาการ
เริ่มแรกของเจ้างูสวัดนั้น จะเริ่มจากการมีความรู้สึกเจ็บๆ แสบๆที่บริเวณผิวหนังอาจจะเป็นใบหน้าหรือบริเวณลำตัว ผิวหนังจะเริ่มไวต่อการสัมผัส หลังจากนั้นจะเริ่มมีผื่นแดง/ตุ่มแดงขึ้น อาจจะมีอาการคันร่วมด้วย ต่อมาผื่นแดงจะเริ่มมีตุ่มน้ำใสๆ และเริ่มขึ้นลามไปตามแนวเส้นประสาท และถ้าตุ่มน้ำแตกจะกลายเป็นแผลตกสะเก็ดที่ผิวหนังได้ ถ้าขึ้นที่บริเวณใบหน้า หลายๆคนอาจจะคิดว่าเป็นสิว หรือเรากำลังแพ้ครีมที่ใช้อยู่ได้ ลักษณะของสิวจะขึ้นแบบกระจาย หรือเป็นในที่เดิมๆ ไม่มีการกระจายตัวเป็นแนวตามเส้นประสาท หรือถ้าเป็นผื่นแพ้เครื่องสำอางค์ เมื่อเราหยุดใช้อาการผื่นแพ้จะดีขึ้นได้เอง ไม่มีการเป็นแผลตกสะเก็ดที่ผิวหนัง เมื่อแผลงูสวัดหายแล้ว อาการที่สามารถหลงเหลือได้อยู่ คือ อาการปวด แสบร้อน ตามแนวเส้นประสาท
เมื่อมีอาการดังกล่าวข้างต้น แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อจะได้รับประทานยาฆ่าเชื้อไวรัส หลังจากนั้นสามารถมาพบแพทย์แผนจีนเพื่อทำการรักษาควบคู่กันไป แพทย์จีนจะทำการตรวจร่างกายและวินิจฉัยโรคตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน เพื่อวิเคราะห์โรคตามกลุ่มอาการ การรักษาหลัก คือ การรับประทานยาจีน การฝังเข็ม การเจาะปล่อยเลือด เป็นต้น ซึ่งการรักษาจะรักษาตามกลุ่มอาการเฉพาะของคนไข้ เพื่อปรับสมดุลภายในฟื้นฟูสุขภาพ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กลับมา สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัส และช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนตามเส้นประสาท ซึ่งแพทย์แผนจีนได้แบ่งสาเหตุของการเกิดโรคเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1.เลือดน้อยทำให้ตับมีความร้อนสูง ซึ่งอวัยวะตับเป็นอวัยวะที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
2.การย่อยอาหารไม่ดีทำให้ร่างกายไม่สามารถนำสารอาหารไปฟื้นฟูร่างกายได้ และเกิดของเสียสะสมในร่างกาย
3.ชี่และเลือดมีไม่เพียงพอ ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง
ส่วนความเชื่อที่ว่าถ้างูสวัดพันรอบเอว อันตรายถึงชีวิตนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะ ในปัจจุบันการแพทย์มียาที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่มีประสิทธิภาพดี และถ้ายิ่งมีการนำแพทย์แผนจีนเข้ามาช่วยปรับสมดุลย์ภายในร่างกาย งูสวัดที่ว่าน่ากลัวก็สามารถรักษาให้อาการดีขึ้นได้ค่ะ